มโนสำคัญกว่าความรู้ เขียน:djtori เขียน:ผมว่า คาริบู ก็แค่สปาย ที่ทำเพื่อเงิน น่าจะคาบข่าวไปให้ บากี้ คร็อกโคได หรืออาจจะหนวดดำ
แต่เทคนิคการเเินเรือชั้นสูง ผมว่าหลายๆคนก็สามารถใช้ได้ ถ้ารู้เรื่องเหล่านี้ ดังนั้นไม่น่าเป็นตัวชี้วัดอะไร ที่คาริบูทำ อาจจะเพราะ ความสะดวกสบาย หรือไปรู้อะไรมาเท่านั้นเอง
ส่วนชายที่มีแผลไฟไหม้ จะเนื้อเรื่อง ที่แพลมๆ
อาจจะเป็นเซาโร ซึ่งน่าจะเคยเห็น โพเนกีฟ อยู่บ้าง หรือ
เคยได้ยินจากทีมนักวิจัยในโอฮาร่า
แต่จะมีเทคนิกการเดินเรือชั้นสูงไหม บอกไม่ได้ เพราะเนื้อเรื่องไม่ปรากฎ แต่ที่แน่ๆ อาจจะไม่เกี่ยวกับอาวุธโบราณเชยก็เป็นได้
ส่วนน้ำวน คงเกิดจากภูมิประเทศแถวนั้นมากกว่า
เหมือนที่วาโนะ พอภูมิประเทศเปลี่ยนไป การเข้าประเทศ
การเดินทางแถวนั้นก็เปลี่ยนตาม
และเรื่อง แซงค์ ไปเอลบัฟมาแล้วมีโอกาสไปเกาะสุดท้ายไหม
คือถ้าได้เบาะแสจากเซาโร ก็ได้โพเนกีฟ จากคิดส์ อีก 2 อัน ก็ยังไม่ครบอยู่ดีครับ
ดังนั้นผมมองว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ทั้งอาวุธโบราณ ชายผํ้มีแผลไฟไหม้ และคาริบู
ถ้าเซาโร คือ ชายที่มีแผลไหม้แสดงว่า เร้ดโพเนกีฟชิ้นสุดท้ายนี้น่าจะถูกตั้งทิ้งไว้ที่เอลบาฟ
(เซาโรไปเคลื่อนย้ายเร้ดโพเนกีฟจากเกาะเงือกมาเก็บไว้ที่เอลบาฟ)
คราวนี้ถ้ากลุ่มหมวกฟางมาถึง ก็จะเป็นกลุ่มแรกที่เก็บครบทั้ง 4 ชิ้นแล้ว
ที่น่าคิดนับจากนี้ ความสำคัญจากโรบิ้น จะถูกย้ายไปที่นามิไหมครับ
เพราะต้องมีการมาร์คจุด 4 จุด ลงบนแผนที่จริงครับ
(หน้าที่นามินอกจากต้นหนเรือ ก็คือ นักเขียนแผนที่)ก็จะมีความสำคัญก็คราวนี้
(ส่วนคาริบู ผมกลัวว่าหลังจากนำความลับเหล่านี้ไปขายได้เงินมาแล้ว น่าจะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเก็บปิดปากอีกทีนะครับ )
ไม่เข้าใจว่า ทำไมเซาโรต้องย้าย โพเนกีฟ แล้ว อาณาจักรริวงูยอมงั้นเหรอ เชื่อมโยงขาดความเป็นไปได้อยู่ครับ คือ เจ็บหนักขนาดนั้น แถมต้องหลบซ่อนตัวอีก คงไม่ไปไหนนอกจากซ่อนในเอลบัฟ แน่ ไม่งั้นโดนรัฐบาลโลกตามล่านะครับ
ส่วนคาริบูไม่น่าจะรู้ทุกเรืีอง เพราะตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่า
ชายผู้มีแผลไฟไหม้คือใคร